จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อผิวขาด Hyaluronic Acid
เมื่อทราบแล้วว่าHyaluronic Acidหรือ HA เป็นสารสร้างขึ้นของร่างกายที่ทรงพลังมากถือเป็นมอยส์เจอร์ไรเซอร์จากธรรมชาติ ทำหน้าที่กักเก็บน้ำเพื่อให้เนื้อเยื่อหล่อลื่นและชุ่มชื้น แต่การผลิตสารดังกล่าวจะอยู่ในอัตราที่ลดลงเมื่อสูงวัยขึ้นส่งผลต่อสุขภาพและความงามอย่างแรงส่วนจะเป็นอย่างไรนั้นมาตามดูกัน
อะไรที่ทำให้ Hyaluronic Acid ลดลง ?
ไม่แต่เพียงอายุที่เพิ่มขึ้น (30-40 ขึ้นไป) ที่เป็นต้นเหตุสำคัญทำให้ร่างกายผลิตกรดไฮยาลูรอนิคตามธรรมชาติลดน้อยลงเท่านั้น การใช้ชีวิตประจำวันที่ไม่เหมาะสมก็เป็นต้นเหตุสำคัญของการรุกรานผิวและเป็นตัวเร่งให้กรดไฮยาเสื่อมก่อนเวลาอันควรไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็น
- การสูบบุหรี่
- การดื่มแอลกอฮอล์
- การพักผ่อนไม่เพียงพอ
- การออกแดดเผชิญกับรังสีอัลตร้าไวโอเล็ตเป็นประจำ( โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้สูงวัยที่ปริมาณสารตัวช่วยกรองรังสีUV น้อยลง )เกิดการย่อยสลายของกรด HAโดยกลไกอนุมูลอิสระที่เกิดจากการสัมผัสรังสียูวี
- ความร้อน
- หรือแม้แต่การทำเลเซอร์บ่อยทำให้ผิวไวต่อแสงหรืออาการหน้าบาง
ผลของการที่ Hyaluronic Acid ลดลง
กรดไฮยาลูโรนิคยังมีบทบาทสำคัญในการรักษาบาดแผลโดยควบคุมระดับการอักเสบและส่งสัญญาณให้ร่างกายสร้างเส้นเลือดมากขึ้นในบริเวณที่ถูกทำลาย นำไปใช้กับแผลผิวหนังสามารถลดขนาดของแผลและลดอาการปวดเร็ว อีกทั้งยังมีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรียจึงสามารถช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อเมื่อทาโดยตรงกับแผลเปิด ยิ่งไปกว่านั้นยังมีประสิทธิภาพในการต่อสู้กับโรคเหงือกเร่งการรักษาหลังการผ่าตัดฟันและกำจัดแผลเมื่อใช้ทาในปาก ดังนั้น เมื่อร่างกายผลิตกรดไฮยาลูโรนิคในอัตราลดลงย่อมส่งผลต่อร่างกายในเรื่องการรักษาแผล
และที่สำคัญกรดไฮยาลูโรนิคยังพบได้ในข้อต่อซึ่งทำให้ช่องว่างระหว่างกระดูกของคุณหล่อลื่นได้ดี เมื่อข้อต่อมีกรดนี้ลดลงข้อต่อระหว่างกระดูกจะบดเข้าหากันทำให้เกิดอาการปวด เพื่อลดการทุกข์ทรมานนี้ได้มีการนำกรดไฮยาลูโรนิคฉีดเข้าไปในข้อต่อได้โดยตรงเพื่อบรรเทาอาการปวด อย่างไรก็ตามจากการวิเคราะห์ของผู้สูงอายุมากกว่า 12,000 คนพบว่ามีเพียงความเจ็บปวดที่ลดลงเล็กน้อยแต่กลับมีความเสี่ยงสูงต่อผลข้างเคียง
นอกจากนี้ ประมาณ 1 ใน 7 ของผู้สูงอายุที่ทุกข์ทรมานจากอาการตาแห้งเนื่องจากการผลิตน้ำตาที่ลดลงหรือน้ำตาระเหยเร็วเกินไป เนื่องจากกรดไฮยาลูโรนิคมีคุณสมบัติในการรักษาความชุ่มชื้นได้ดีจึงมักใช้รักษาอาการตาแห้ง ในขณะที่ใช้โดยตรงกับดวงตานั้นแสดงให้เห็นว่าลดอาการตาแห้งและทำให้สุขภาพตาดีขึ้นโดยรวม แต่ก็ไม่ชัดเจนว่าอาหารเสริมทางปากมีผลเหมือนกันหรือไม่
ด้านผิวพรรณการผลิตกรดไฮยาลูรอนิค ( Hyaluronic Acid หรือ HA) ลดลงหรือเสื่อมสภาพ ผลที่แสดงออกคือ ผิวจะมีอายุมากขึ้น ทำให้หน้าตาดูหมองคล้ำ ไม่สดใส ไม่เปล่งปลั่งเพราะขาดความชุ่มชื้น เกิดความหย่อนคล้อย สิ่งปรากฏชัด คือ ความไม่เรียบเนียนและเกิดริ้วรอยสัญญาณแรกที่จะบ่งบอกถึงอายุที่เพิ่มมากขึ้น นั่นหมายถึงเราจะดูแก่ขึ้นนั่นเอง กล่าวได้ว่า กรดไฮยาลูรอนิค ( Hyaluronic Acid หรือ HA)มีคุณูปการต่อผิวมากมาย อาทิ
- ต่อต้านริ้วรอย
- เพิ่มความชุ่มชื้น
- การรักษาบาดแผล
- เพิ่มความยืดหยุ่นของผิว
- สามารถรักษากลากได้
- สามารถรักษารอยแดงบนใบหน้า
- การวิจัยล่าสุดพบว่ากรดไฮยาลูโรนิคมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระซึ่งหมายความว่า สามารถทำหน้าที่เหมือนเกราะป้องกันอนุมูลอิสระที่เราไม่สามารถควบคุมได้ เช่น มลภาวะและผู้รุกรานอื่นๆ
- เป็นสารตัวเติมริมฝีปากในการทำศัลยกรรมพลาสติก
กล่าวอีกนัยหนึ่ง คือ กรดไฮยาลูรอนิค ( Hyaluronic Acid หรือ HA) ทำหน้าที่เป็น
Humectant(การลดความสูญเสียความชุ่มชื้น) และจับโมเลกุลของน้ำบนผิวของคุณ เพียงแค่หนึ่งกรัมHyaluronic Acid มีความสามารถที่น่าประทับใจด้วยการกักเก็บน้ำได้ถึงหกลิตร มันทำงานได้อย่างมหัศจรรย์กับทุกสภาพผิวไม่ว่าจะเป็นผิวที่บอบบางหรือผุพังง่ายรวมถึงผิวมัน เมื่อประสิทธิภาพในการกักเก็บน้ำที่ลดลงทำให้ผิวขาดน้ำ ผิวแห้ง ขาดความยืดหยุ่น สิ่งที่ตามมาติดๆคือปัญหาริ้วรอยที่ยิ่งทิ้งไว้นานก็จะค่อยๆเป็นร่องลึกมากขึ้น
5 สัญญาณของผิวที่ขาดน้ำ
เมื่อผิวมีประสิทธิภาพในการกักเก็บน้ำที่ลดลงส่งผลให้ผิวเสื่อมสภาพ จะเกิดสัญญาณขอความช่วยเหลือจากผิวบอกให้เรารู้ว่าถึงเวลาที่ต้องเติมน้ำให้ผิว คือ
- ผิวหน้ามัน แต่ไม่ใช่ผิวที่ชุ่มชื้นเพราะผิวที่ขาดน้ำจะผลิตน้ำมันออกมาเพื่อกักเก็บความชุ่มชื้น
- ผิวแห้ง มีอาการลอก และบางครั้งผิวจะเป็นขุย
- หลายคนอาจบ่นว่าทำไมแต่งหน้าไม่ติด หรือแต่งหน้าติดแต่ติดไม่ทน เวลาทารองพื้นแล้วหน้าจะเป็นขุย
- ทาครีมบำรุงเท่าไหร่ก็ไม่ค่อยซึมเข้าผิว
- มองกระจกแล้วเห็นว่าผิวหน้าดูโทรม ไม่สดใส ไม่กระชับ สัมผัสแล้วหยาบกร้าน หรือผิวเกิดผื่น อาการแดงเป็นจ้ำ เกิดการอักเสบ และมักแพ้ง่ายขึ้น
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วสาวๆจะมีวิธีที่จะเติมเต็ม Hyaluronic Acidกรดมหัศจรรย์ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “น้ำพุแห่งความเยาว์วัย”(fountain of youth) จะช่วยชะลอความแก่ได้อย่างไร เอาเป็นว่าครั้งหน้ามาติดตามเคล็ดลับการดูแลริ้วรอยแห่งวัยกันต่อค่ะ